• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 เมษายน 2564

    2 เมษายน 2564 | Gold News


อัตราผลตอบแทนพันธบัตร - ดอลลาร์อ่อน “หนุนทองขึ้น” กว่า 1%

ราคาทองคำปิดปรับขึ้นได้กว่า 1โดยตลาดได้รับแรงหนุนจาก
1) การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมา
2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงจากระดับ
 1.7% เคลื่อนไหว 1.677%
3) ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาด
4) ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.2ที่ 1,727.86 เหรียญ


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด +0.7ที่ 1,728.30 เหรียญ


·         ตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้เนื่องในวัน  Good Friday

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า การปรับขึ้นของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบว่า “จำเป็นต้องมีมรตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม” และเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างล่าช้า

·         หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors ทองคำดูจะเผชิญภาวะ Oversold แม้เฟดจะยังเดินหน้าคงดอกเบี้ยระดับต่ำ แต่ก็มีโอกาสเห็นทองคำปรับตัวลงมาได้อีก

·         นักวิเคราะห์จาก HSBC ระบุว่า การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรับฯ และภาวะเงินเฟ้อมีโอกาสจะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อได้

 

·         กองทุนทองคำ SPDR ขายทองออกต่อเนื่อง 7 เดือนติด โดยวันทำการแรกของเดือนเม.ย. ขายทองคำออก 4.67 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,032.83 ตัน ทำต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หรือในรอบกว่า 1 ปี



ภาพรวมปัจจุบันเดือนเม.ย. ขายทองคำรวมสุทธิ 4.67 ตัน

ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน ปี 2021 กองทุน SPDR ขายทองคำออกแล้วทั้งสิ้น สุทธิ 137.91 ตัน

อย่างไรก็ดี เดือนเม.ย. ปี 2021 กองทุน SPDR ยังมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ โดยมีการขายออกตั้งแต่ต.ค. - ปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 236.06 ตัน

 

·         ซิลเวอร์ปิด +0.9ที่ 24.61 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด +1ที่ 1,199.34 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด +1.1ที่ 2,647.69 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวก่อนทราบข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯคืนนี้ ที่อาจหนุนความเชื่อมั่นต่อ

 

·         ทำเนียบขาว เผย “ไบเดน” จะเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหัวข้อ “ห่วงโซ่อุปทาน”

 

·         ทำเนียบขาวออกโรงปฏิเสธข้อเรียกร้องของภาคบริษัทเกี่ยวกับแผนโครงสร้างพื้นฐานว่า “จะไม่มีการขึ้นภาษีแก๊สครั้งใหม่”


·           “แมคคอนเนล” ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ระบุว่า จะทำการต่อสู้กับแผนโครงสร้างของนายไบเดน ทุกขั้นตอน

 

·         ภาคการผลิตสหรัฐฯสดใส เพิ่มสัญญาณ ตอกย้ำ เงินเฟ้อ” พุ่ง

สถาบัน ISM เผยข้อมูลการผลิตมี.ค. ออกมาแกร่งสุดรอบ 37 ปี (ธ.ค. ปี 1983) ที่ระดับ 64.7 จุดโดยสามารถฟื้นคืนจากภาวะหดตัว และเป็นการปรับขึ้นครั้งจาก 60.8 จุดในเดือนก่อนหน้า จึงยิ่งตอกย้ำและสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ มีโอกาสเห็นอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นได้

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา พบ 74 ประเทศทั่วโลกยังมีรายงานยอดติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น



ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุดทะลุ 130 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย โดยพบยอดติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 684,751 ราย  ขณะที่ยอดเสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มมา 11,469 ราย รวมสะสมที่ 2.83 ล้านราย

สหรัฐฯล่าสุดยอดติดเชื้อสะสม 31.24  ล้านราย โดยพบยอดติดเชื้อรายวัน 76,650 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมในประเทศเพิ่มขึ้นทะลุ 566,602 ราย




สถานการณ์ทางฝั่งยุโรป

พบยอดผู้ติดเชื้อสะสมเฉียด 40 ล้านราย โดยพบยอดติดเชื้อรายวันที่ 242,944 ราย

และยอดผู้เสียชีวิตสะสมขณะนี้ทะลุ 917,038 ราย


ทางฝั่งเอเชีย

พบยอดติดเชื้อสะสม 28.68 ล้านราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายวันที่ 198,502 ราย

ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 429,548 ราย

 





สถานการณ์การระบาดในไทย

ศบค.รายงาน พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 26 ราย ผู้ป่วยสะสม 28,889 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตคงเดิมที่ 94 ราย



3 อันดับที่มียอดติดเชื้อใหม่รายวันสูงสุดของโลก:

1. บราซิล พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 89,459 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 12.84 ล้านราย

2. อินเดีย พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 81,441 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 12.30 ล้านราย

3. สหรัฐฯ  พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 76,650 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 31.24 ล้านราย

 

3 อันดับที่มียอดผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดของโลก:

1. บราซิล พบยอดผู้เสียชีวิตรายวัน 3,673 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรายวันสะสมรวม 325,559 ราย

2. สหรัฐฯ พบยอดผู้เสียชีวิตรายวัน 943 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรายวันสะสมรวม 566,602 ราย

3. โปแลนด์ พบยอดผู้เสียชีวิตรายวัน 621 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรายวันสะสมรวม 53,665 ราย

 

·      สถานการณ์การฉีดวัคซีน Covid-19 ทั่วโลก พบ 150 ประเทศเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน โดยรวมแล้วฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 595.88 ล้านโดส



·         “ดร.ฟาวซี” ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดและโรคติดต่อประจำทำเนียบขาว ชี้ สหรัฐฯอาจไม่จำเป็นต้องใช้วัคซี Covid-19 ของ AstraZeneca

 

·         อังกฤษพบผู้ได้รับวัคซีน AstraZeneca จำนวน 30 ราย มีอาการลิ่มเลือดอุดตัน

 

·         Pfizer เผยข้อมูลวัคซีน Covid-19 ให้ประสิทธิภาพมากถึง 91ในการต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้

 

·         สหรัฐฯจะร่วมมือกับไอเอ็มเอฟในการเตรียมการช่วยเหลือกว่า 6.5 แสนล้านเหรียญสำหรับประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19

 

·         “แมร์เคล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Stay-at-Home ช่วงเทศกาลอีสเทอร์นี้ เพื่อยับยั้ง Third Wave

 

·         รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เล็งเห็น "มาตรการคว่ำบาตร" จะเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายที่แข็งแกร่งต่อไปอีกหลายๆปี


·         ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ สหรัฐฯและจีนกับการต่อสู้ทางเศรษฐกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในเชิงพาณิชย์

 

 

·         ธนาคารกลางจีน (PBoC) กล่าวเตือน “ความเสี่ยงทางการเงิน” ที่ประกอบไปด้วยโอกาสจากการผิดนัดชำระหนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากต่าปงระเทศ

  

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- เย็นวานนี้เงินบาทอ่อนค่าจากเช้า แต่ระหว่างวันยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะวันนี้ยังไม่ค่อยมีปัจจัยที่มีผลกับค่าเงินบาทมาก นัก โดยคืนนี้นักลงทุนรอติดตามการรายงานตัวเลขการจ้าง งานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.20 -31.40 บาท/ดอลลาร์

 

- รมว.คลัง ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงรักษาวินัยการเงินการคลัง โดยหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน60% ต่อจีดีพี แม้จำเป็นจะต้องมีการกู้เงินเพื่อนำมาใช้สำหรับชดเชยการขาดดุลงบประมาณก็ตาม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตกแน่นอน และมองว่าในอนาคตรัฐบาลยังจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น

 

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 น่าจะทำให้เงินกู้ยืมของภาคครัวเรือนปี 64 มีโอกาสเติบโตสูงขึ้นกว่าปี 63 ที่เติบโตเพียง 3.9% ส่งผลต่อเนื่องให้หนี้ครัวเรือนขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบประมาณ 89-91% ต่อจีดีพีในปีนี้ เทียบกับปี 63 ที่ระดับหนี้ครัวเรือนทะลุ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 18 ปี โดยหนี้ครัวเรือนดังกล่าวคิดเป็น 89.3% เมื่อเทียบกับจีดีพีในปี 63



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com