• อดีตนักการทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า “สหรัฐฯ-จีน” จะตึงเครียดต่อไปไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบสหรัฐฯครั้งนี้

    4 พฤศจิกายน 2563 | Economic News

อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วยวิธีการต่างๆให้เป็นไปอย่างเหมาะสมในการดำเนินการกับ “จีน” เพื่อให้ประสบความสำเร็จและให้จีนปฏิบัติตามข้อเรียกร้องอย่างจริงจัง เนื่องด้วยประเทศที่เหลือนในโลกไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับความตึงเครียด ไม่เพียงแต่ความเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯในเวลานี้ รวมถึงช่วงเวลาที่สหรัฐฯอาจเป็นฝ่าย “พ่ายแพ้” เพราะทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทและผู้บริโภคให้เป็น “ฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก”


ทั้งนี้ สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ที่ย่ำแย่ลงมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องจาก Trade War ระหว่างสองประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯมีการคว่ำบาตรบริษัทจีน ตลอดจนสหรัฐฯเพิ่มการสนับสนุนไต้หวันและจีน


นายทรัมป์ และทีมบริหารของนายทรัมป์ตำหนิจีนในเรื่อง “ความไม่ยุติธรรมทางการค้า” รวมทั้งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาล่าสุด



สำหรับสถานการณ์การค้าหาก “นายไบเดน” เป็นผู้นำ ก็ดูจะมีการวางกลยุทธ์รวมเป็นหนึ่ง หรือกลยุทธ์ด้านความสามัคคีเพื่อต่อกรกับประเทศจีน ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับชาติพันธมิตรต่างๆของสหรัฐฯในการร่วมกันดำเนินการกับจีน ไม่เพียงแต่สหรัฐฯแห่งเดียว ดังนั้น จะส่งผลให้ประเทศต่างๆเหล่านั้นมีท่าทีเลือกข้างทางการค้าในการต่อสู้กับสหรัฐฯและจีน รวมทั้งสิทธิประโยชน์จากความตึงเครียดครั้งนี้


อย่างไรก็ดี นโยบายที่ผ่านมาของนายทรัมป์ ดูจะไม่ได้สร้างผลกระทบให้จีนเพียงอย่างเดียว แต่ยังกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคและบริษัทต่างๆของสหรัฐฯเองด้วย


แม้จะมีความชัดเจนว่า “สหรัฐฯและจีนมีการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกัน” ในปีนี้ เพื่อระงับ Trade War ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา


แต่สำหรับ “นายไบเดน” เองนั้น ก็ได้เคยบอกว่าต้องมีการเพิ่มความร่วมมือกับชาติพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในการต่อต้านและดำเนินการกับจีน


ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com