• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2563

    10 กรกฎาคม 2563 | Economic News

· ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์ท่ามกลางหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวลง

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลง ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นประวัติการณ์ในสหรัฐฯกว่า 60,000 รายต่อวัน และการที่ศาลสูงสุดสหรัฐฯมีคำวินิจฉัยให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเปิดเผยบันทึกทางการเงินและการจ่ายภาษีต่อสำนักงานอัยการนิวยอร์ก

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน โดยปรับลงมา 0.3% ที่ 1.1291 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 96.741 จุด หลังไปทำต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์ที่ 96.233 จุด ทางด้านเงินเยนทรงตัวที่ 107.25 เยน/ดอลลาร์

สำหรับเงินหยวนทำแข็งค่ามากสุดรอบ 4 เดือนเที่ 6.9808 หยวน/ดอลลาร์ ก่อนจะปิดทรงตัวที่ 6.9950 หยวน/ดอลลาร์

ค่าเงินหยวนแข็งค่าทำสูงสุดรอบ 4 เดือน ขณะที่นักลงทุนเพิ่มสถานะในตลาดหุ้นจีนจากสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงหลังจากที่ปิดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และนักลงทุนเชื่อว่าการปรับตัวลงของตลาดหุ้นจะเป็นจังหวะที่ดีสำหรับคนที่รอช้อนซื้อ

  

· ยอดผู้ติดเชื้อในรัฐฟลอริดา, เท็กซัส และแคลิฟอร์เนีย ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์หั่นความหวังเศรษฐกิจฟื้น และข้อมูลนักช้อปที่ลดลงจากห้างร้านต่างๆ

ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในสหรัฐฯพุ่งขึ้นต่อวันเกิน 60,000 รายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาในจีนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ขณะที่อัตราผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นกว่า 900 รายเป็นวันที่ 2

· WHO ยอมรับ ไวรัสโคโรนาแพร่ทางอากาศได้ผ่านร้านอาหาร, ยิม และสถานที่ปิดต่างๆ

เนื่องจากองค์การอนามัยโลก ยังยืนยันต่อเนื่องว่าโรคไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายได้แค่ 2 วิธี คือโดยหายใจรับเชื้อในละอองขนาดใหญ่ (droplet) ที่คนป่วยขับออกมาเวลาพูด ไอ จามในระยะใกล้ชิด 1 เมตรเข้าร่างกายโดยตรง และผ่านละอองใหญ่ที่มีเชื้อไวรัสตกลงบนพื้นผิวเวลาผู้ป่วยพูด ไอ จาม คนอื่นไปสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วเอามือไปจับตา จับจมูก องค์การอนามัยโลกให้ความสําคัญกับการติดเชื้อทางมือจากพื้นผิวมากกว่าการหายใจเอาละอองน้ำลายเข้าโดยตรง เน้นให้ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ และล้างมือบ่อยๆ ขฌะที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (CDC) ได้ลดความสำคัญของการติดต่อทางสัมผัส ว่าสำคัญน้อยกว่าการติดต่อทางการขับละอองเสมหะออกมาโดยตรงเวลาพูด ตะโกน ร้องเพลง ไอ จาม

· นายชาอีร์ โบลโซนาโร ประธานาธิบดีบราซิล ยังมีสุขภาพที่ดีอยู่หลังพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่

· ยอด Balance Sheet ของเฟด ปรับตัวลงต่ำกว่า 7 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่การกู้ยืมระยะสั้นแบบ Repurchase Agreements (Repo) ร่วงลงต่ำกว่าศูนย์เป็นครั้งแรกนับตั้งต่เดือนก.ย.

โดยภาพรวมการถือครองพันธบัตรและสินทรัพย์ของเฟดยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 และต่ำกว่า 7 ล้านล้านเหรียญ โดยล่าสุดปรับลง 8.8 หมื่นล้านเหรียญ สู่ระดับ 6.97 ล้านล้านเหรียญ จากสัปดาห์ก่อนที่ 7.06 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่หนึ่งในการใช้มาตรการเสริมสภาพคล่องฉบับฉุกเฉินปรับตัวลดลง

· นายไบเดิน กล่าวถึงแผนเศรษฐกิจของเขาที่อาจเพิ่มการจ้างงานได้มากถึง 5 ล้านตำแหน่ง

นายโจ ไบเดน ผู้สมัครท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หาเสียงด้วยการระบุว่า หากเขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีการอัดฉีดเม็ดเงิน 7 แสนล้านเหรียญให้แก่ทีวิจัยภาคอุตสาหกรรมและการผลิต ซึ่งจะนำมาซึ่งการจ้างงานมากขึ้นไม่น้อยกว่า 5 ล้านราย เพื่อฟื้นคืนสภาวะการถูกเลิกจ้างอันได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

· ค้าปลีกอังกฤษออกโรงเตือนลูกค้าอาจเจอค่าใช้จ่ายสูงขึ้นหากยังไม่มีข้อตกลงกับอียู

กลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกของอังกฤษ เรียกร้องให้อังกฤษและอียูเจรจากันเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหลัง Post-Brexit ให้ได้ เพราะหากปราศจากข้อตกลงการค้าเสรีก็อาจส่งผลให้บรรดาผู้บริโภคต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า และการที่ไม่สามารถมีข้อตกลงใดๆได้ก็ดูจะสร้างความเสี่ยงให้อังกฤษออกจากอียูแบปราศจากข้อตกลงได้

โดยในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษเผยกำหนดอัตราภาษีฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. ปี 2021 หากปราศจากข้อตกลงใดๆ โดยที่ 85% ของสินค้าในกลุ่มส่งออกอาหารจากอียูมีสิทธิเผชิญการขึ้นภาษีอีกกว่า 5% ประกอบด้วย 48% ของเนื้อวัว และ 16% สำหรับแตงกวา อันจะทำให้ค่าเฉลี่ยภาษีนำเข้าอาหารจากอียูอาจสูงถึง 20% ได้

· ผู้นำไอเอ็มเอฟและ World Bank ยืนยันจัดการประชุมประจำปีร่วมกันผ่านทาง Online ในวันที่ 12-18 ต.ค.นี้ โดยจะยังเป็นการประชุมที่มีความยืดหยุ่นที่ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้า และการทำงานอย่างเหมาะสมต่อประเทศสมาชิก

· น้ำมันดิบร่วงลง 3% จากยอดติดเชื้อเพิ่ม กังวลอุปสงค์

ความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งใหม่ในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ส่งสัญญาณกดดันต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์แก๊สโซลีน และทำให้ราคาขึ้นได้อย่างจำกัดด้วย

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 90 เซนต์ หรือ -2% ที่ 42.39 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.28 เหรียญ หรือ -3.13% ที่ระดับ 39.62 เหรียญ/บาร์เรล

ผู้แทนจากสมาคมน้ำมัน PVM กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะปรับตัวลงต่อ ขณะที่ปัจจัยหนุนในสัปดาห์นี้จางหายไป หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเห็นน้ำมันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆก่อน และอาจมีบางช่วงที่ยืนเหนือ 40 เหรียญ/บาร์เรลได้

· น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือ กร้าวไม่มีแนวโน้มจัดประชุมสุดยอดผู้นำกับสหรัฐฯ ซึ่งการประชุมใดๆก็ตามดูจะมีเพียงสหรัฐฯที่ได้รับประโยชน์จากจุดนี้เท่านั้น ในขณะเดียวกันประเทศเกาหลีเหนือเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะคุกคามสหรัฐฯใดๆด้วยซ้ำ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com