• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 เมษายน 2563

    9 เมษายน 2563 | Economic News

· สกุลเงินความเสี่ยงสูงเริ่มฟื้นตัว ตลาดหวังโคโรนาไวรัสเลยจุด Peak ไปแล้ว

สกุลเงินความเสี่ยงสูงเริ่มฟื้นตัวในวันนี้ เนื่องจากตลาดเริ่มมีความหวังว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาอาจขึ้นทำจุดสูงสุดไปแล้ว ประกอบกับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าการประชุมของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรวันนี้จะสามารถข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตได้เสียที

โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในช่วงกลางเดือน มี.ค. แถว 0.6225 ดอลลาร์ นับเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจากระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 17 ปีที่ 0.5510 ดอลลาร์เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน

ด้านดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวแถว 100.15 จุด แต่ในภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนีอ่อนค่าลง 0.6% ท่ามกลางกระแสเข้าซื้อ Safe-haven ที่เริ่มอ่อนแอลงจากความหวังว่าสหรัฐฯและยุโรปอาจผ่านพ้นช่วงที่มีการระบาดของสาหัสที่สุดไปแล้ว

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่า นครนิวยอร์กได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตรายวันที่มากที่สุดไปแล้ว ขณะที่อัตราการติดเชื้อในสเปนได้ทำระดับสูงสุดในรอบ 4 วัน และ 3 วันสำหรับอิตาลี ซึ่งทั้งหมดนี้ดูจะเป็นข่าวในเชิงลบก็จริง แต่คาดการณ์ของรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญมองว่าจุด Peak ของการระบาดน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ ทำให้ตลาดไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับรายละเอียดของการติดเชื้อเท่าไหร่นัก


ทั้งนี้ ตลาดจะจับตาการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯในคืนนี้ โดยมองว่าหากมีจำนวนคนตกงานมากขึ้น ตลาดน่าจะไม่ตื่นตระหนกเท่าไหร่นัก เนื่องจากตลาดได้ประเมินความเสี่ยงในจุดไปเกือบหมดแล้ว แต่ในทางกลับกัน หากจำนวนคนตกงานออกมาต่ำกว่าที่คาด อาจช่วยให้ตลาดมีความหวังฟื้นกลับขึ้นมาได้และอาจเห็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในตลาด

ด้านค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวแถว 1.0858 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากเมื่อวานอ่อนค่าลง 0.35% จากที่รายงานที่ว่าสหภาพยุโรปไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสได้

ขณะที่ค่าเงินเยนก็ค่อนข้างทรงตัวแถว 108.94 เยน/ดอลลาร์ โดยยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆตลอดช่วงสัปดาห์นี้



· EUR/USD short-term technical outlook

บทวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่าค่าเงินยูโรระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิม ระหว่างระดับ 61.8% Fibonacci retracement ในกราฟรายวันที่ 1.0830 ดอลลาร์/ยูโร และ 50% Fibonacci retracement วัดจากกราฟเดียวกันที่ 1.0890 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ในกราฟ 4 ช.ม. เส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันค่อนข้างทรงตัวแถว 1.0830 ดอลลาร์/ยูโร สะท้อนถึงความเป็นแนวรับสำคัญในระยะสั้น ขณะที่ค่าเงินกำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน และสัญญาณทางเทคนิคขาดทิศทางที่ชัดเจน จึงสรุปได้ว่าแนวโน้มของค่าเงินค่อนข้างหันไปทางฝั่งขาลง และมีโอกาสปรับลงแรงหากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.0830 ดอลลาร์/ยูโร

แนวรับ: 1.0830 1.0785 1.0740

แนวต้าน: 1.0890 1.0925 1.0960



· ราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลงก่อนทราบการเปิดเผยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทำต่ำสุดที่ 0.7460% และระยะยาวอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.3611%

ภาพรวมตลาดยังคงให้ความสำคัญกับอัตราการติดเชื้อที่คาดหวังว่าจะเข้าสู่จุดพีคสุด แม้ว่ารัฐนิวยอร์กจะยังถือเป็นศูนย์กลางการระบาดของสหรํฐฯ ท่ามกลางอัตราผู้เสียชีวิตรายวันที่เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์วานนี้


สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

- จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 1,519,571 ราย

- จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 88,550 ราย

- จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 209 ประเทศและติดเชื้อบนเรือสำราญ 2 ลำ ได้แก่ Diamond Princess และล่าสุด Holland America’s MS Zaandam

- จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯอยู่ลำดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 435,160 ราย (+233) และมีผู้เสียชีวิตสู่ระดับ 14,797 ราย (+9)

- จำนวนผู้ติดเชื้อในสเปนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 148,220 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 14,792 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 139,422 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 17,669 ราย

- จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยล่าสุดเพิ่มอีก 54 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,423 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมสะสม 32 ราย




· งานวิจัยคาด อังกฤษจะมียอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสูงที่สุดในยุโรป

งานวิจัยล่าสุดจากสถาบัน Institute for Health Metrics and Evaluation (IHME) ในยุโรปเปิดเผยว่า อังกฤษเป็นประเทศในยุโรปที่มีแนวโน้มจะเห็นยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนามากที่สุดในยุโรปที่มากกว่า 60,000 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วยุโรปคาดการณ์ไว้ที่ 151,000 ราย สำหรับ “ระลอกแรก” ของการระบาดที่ทางสถาบันคาดว่าจะจบลงในวันที่ 4 ส.ค.



· ยอดผู้ติดเชื้อรัสเซียพุ่งขึ้นทำระดับรายวันเป็นประวัติการณ์โดยมียอดเพิ่มขึ้นมากถึง 1,459 ราย และทำให้ยอดสะสมพุ่งเหนือ 10,000 รายได้ โดยแตะ 10,131 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตเพิ่ม 13 ราย สู่ระดับ 76 ราย

· สถาบัน Robert Koch Institute เผย เยอรมนีเองมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นกว่า 4,974 รายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ยอดติดเชื้อทั้งสิ้นรวมอยู่ที่ 108,202 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 246 ราย สู่ระดับ 2,107 ราย


· นาย Lu Jing ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษา กล่าวว่า โรงเรียนท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ที่ถูกปิดตัวลงเพื่อพยายามยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา ซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 27 เม.ย.นี้

ทั้งนี้ โรงเรียนควรเตียมความพร้อมสำหรับการเรียนในระดับชั้นอื่นๆ ก่อนวันที่ 6 พ.ค.ที่จะถึงนี้


· UBS, Credit Suisse ระงับการจ่ายเงินปันผล

UBS และ Credit Suisse ธนาคารรายใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ทั้ง 2 แห่ง ประกาศระงับการจ่ายเงินปันผล สำหรับปีงบประมาณ 2019 และปีงบประมาณถัดไป หลังจากสถาบัน FINMA วิจารย์ถ้อยแถลงของทั้ง 2 ธนาคารเกี่ยวกับการตัดสินใจรักษาการจ่ายเงินปันผลแบบเต็มที่ท่ามกลางวิกฤติการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้


· จีนออกมาตรการควบคุม “พาหะที่ไม่แสดงอาการ”

รัฐบาลจีนประกาศออกมาตรการที่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อใช้ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาจาก “พาหะที่ไม่แสดงอาการ” หรือที่ทางสำนักข่าว Reuters ระบุว่าเป็น “Silent Carriers”

โดยมาตรการดังกล่าวกำหนดให้สถาบันทางการแพทย์แจ้งรัฐบาลท้องถิ่นภายในเวลา 2 ช.ม. หลังจากตรวจพบผู้ที่มีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อไวรัสโคโรนา จากนั้นรัฐบาลท้องถิ่นต้องรีบดำเนินการระบุตัวตนของผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อให้ได้ภายในเวลา 24 ช.ม. และผู้ที่ใกล้ชิดทุกคนจะต้องกักตัวเองเพื่อสังเกตุอาการเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยไม่มีข้อยกเว้น


· รายงานจากอังกฤษเผย นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดสามารถลุกขึ้นนั่งได้ด้วยตัวเองและโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่การแพทย์ได้แล้ว แต่ยังคงต้องได้รับการรักษาอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่ในห้อง ICU ต่อไป


· ธนาคารกลางอังกฤษประกาศจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณโดยตรงกับรัฐบาลอังกฤษเป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยรับมือผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกันกับที่อังกฤษเคยใช้ในสมัยวิกฤติทางการเงินปี 2008 โดยภายใต้มาตรการนี้ ธนาคารกลางจะปล่อยกู้โดยตรงให้กับรัฐบาล ต่างกับปกติที่รัฐบาลจะนำเม็ดเงินมาจากการขายตราสารหนี้


· รัฐบาลสหรัฐฯยังขัดแย้งกันเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจในขั้นตอนถัดไป

ความพยายามในการผลักดันร่างนโยบายสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือเป็นวงเงินเพิ่มเติมอีก 2.5 แสนล้านเหรียญสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กภายในสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเผชิญอุปสรรคและชะงักลงอีกครั้ง เนื่องจากสมาชิกพรรคเดโมแครตต้องการให้ออกงบประมาณช่วยเหลือสำหรับโรงพยาบาลและรัฐบาลท้องถิ่นด้วยวงเงินเท่าๆกัน


· AP เผยคาดการณ์คนว่างงานสหรัฐฯคืนนี้อาจแตะ 7 ล้านราย หรือสูงกว่านั้น

รายงานจากสำนักข่าว AP ระบุว่า การประกาศข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯในคืนนี้อาจจะเผชิญกับข้อมูลคนว่างงานจำนวนมากเพิ่มขึ้น หลังจากที่ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนยอดคนว่างงานปรับขึ้นเกือบ 10 ล้านราย และมีแนวโน้มที่จะเห็นยอดพวกนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาคบริษัทที่ปรับลดกำลังคนเพื่อต้องการเงินสด ประกอบกับคำสั่ง Shutdown ที่เกิดขึ้นจึงทำให้เกิดการเลิกจ้างงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย

ด้านนักวิเคราะห์บางรายคาดว่ามีแนวโน้มที่จะเห็นผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพเิ่มขึ้นกว่าที่ประเมินกันไว้ โดย JP Morgan Chase คาดอาจเห็นคนว่างงางนเพิ่มขึ้น 7 ล้านราย หลังจากที่สัปดาห์ก่อนทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.6 ล้านราย

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน ยังมองถึงแนวโน้มที่จะเห็นคนว่างงานเพิ่มแตะ 50 ล้านรายในช่วงที่เกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของแรงงานสหรัฐฯทั้งหมด

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Ratings คาดว่า คนว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะ 15% ในเดือนหน้า หรืออย่างน้อยมีคนว่างงานสูงถึง 13 ล้านราย สูงกว่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง Great Recession ที่สิ้นสุดวงจรนั้นในปี 2009 ด้วยคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นกว่า 10%


· นายกรัฐมนตรีอิตาลีส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ลงตามลำดับ หลังจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสในอิตาลีดูจะเริ่มผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดแล้วไป โดยการผ่อนคลายมาตรการอาจเริ่มต้นภายในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. นี้


· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งเยอรมนีแสดงความคาดหวังว่าการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการคลังภายในสหภาพยุโรปวันนี้ จะมีความคืบหน้าหรือสามารถตกลงกันเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจยุโรปเป็นวงเงินกว่า 5 แสนล้านยูโร (5.4320 แสนล้านเหรียญ)


· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นก่อนหน้าการประชุมของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ท่ามกลางความหวังว่าจะสามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตลง เพื่อช่วยหนุนราคาน้ำมันที่ตกต่ำจากผลกระทบของไวรัสโคโรนาได้เสียที

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นเกือบ 2.6% หรือ 0.87 เหรียญ แถว 33.71 เหรียญ/บาร์เรล ระหว่างวันทำระดับสูงสุดที่ 33.90 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 5% หรือ 1.27 เหรียญ แถว 26.36 เหรียญ/บาร์เรล ระหว่างวันขึ้นไปได้มากถึง 6.1%

กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรอย่างรัสเซีย หรือที่เรียกว่า OPEC+ จะมีการประชุมแบบ video conference ในคืนนี้ โดยตลาดคาดว่าการประชุมในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จและประกาศมาตรการปรับลดกำลังการผลิต แตกต่างกับการประชุมในเดือน มี.ค. ที่ล้มเหลว และจบลงที่ความขัดแย้งด้านราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com