• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 มกราคม 2563

    9 มกราคม 2563 | Economic News


· ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าหลังจากที่ไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 107.66 เยน/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ปรับอ่อนค่าขึ้น 0.696% ที่ 109.14 เยน/ดอลลาร์ ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.27% ที่ 97.27 จุด ด้านยูโรอ่อนค่าลง 0.3% ที่ 1.1124 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์การโจมตีของอิหร่านต่อกองทัพสหรัฐฯ ว่าไม่มีแนวโน้มจะขยายความตึงเครียดลุกลามไปทั่วภูมิภาคได้ จึงทำให้บรรดาสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนตัวกลับลงมา รวมทั้งทองคำก็ยอมแพ้ตามกันมา

บรรดาเทรดเดอร์ กำลังให้ความสนใจว่าจะเห็นการตอบกลับใดๆจากสหรัฐฯหรือไม่ แต่ข้อความในทวิตเตอร์ของทั้งสองฝ่ายก็ดูจะมีความตึงเครียดระหว่างกันน้อยลง โดย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ส่งสัญญาณในเชิงบวกว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พร้อมจะกล่าวถ้อยแถลงในช่วงค่ำวานนี้ ขณะที่นายโมฮัมเม็ด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ก็ทวิตเตอร์ข้อความว่าการโจมตีนั้นเหมาะสมแล้ว และอิหร่านไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความตึงเครียดหรือก่อสงคราม

หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก Global Forex กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวดูจะเป็นความคืบหน้าที่เกินจริงไปบ้าง และทำให้ตลาดเกิดปฏิกิริยาตอบรับในรูปแบบ Knee-Jerk และ Sell-off สลับไปมาตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อคืนนี้ ADP เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯประจำเดือนธ.ค. โดยออกมาสูงกว่าที่คาดที่ระดับ 202,000 ตำแหน่ง และข้อมูลในเดือนพ.ย. ก็มีการปรับทบทวนขึ้นมาที่ 124,000 ตำแหน่ง และข้อมูลดังกล่าวจึงถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดแรงงาน และดูจะช่วยสนับสนุนการปรับขึ้นของดอลลาร์ และทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

· ธนาคารโลก (World Bank) หั่นแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2019 และ 2020 ลง โดยระบุว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดในเรื่องของการค้า และการลงทุน แม้ว่าภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะบรรเทาลงไปก็ตาม และระบุว่าในปี 2019 เป็นปีที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเติบโตได้ช้าที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงินในช่วง 10 ปีที่แล้ว ขณะที่ปี 2020 จะมีการฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ และยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของความตึงเครียดทางการเมืองและการค้า

ทั้งนี้ ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์ลง 0.2% โดยปี 2019 ปรับลดลงมาที่ 2.4% และ 2020 ก็ลดลงมาอยู่ที่ 2.5%

ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ, ยุโรป และญี่ปุ่น คาดว่าจะอ่อนตัวลง 0.1% โดยปี 2020 คาดโตได้ 1.4% จาก 1.6% ในปี 2019 จากภาคการผลิตที่ยังอ่อนตัวลงต่อเนื่องเพราะได้รับผลลบจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯและจีน แต่เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะโตได้ 4.3% ในปีนี้ จาก 4.1% ในปี 2019 โดยทั้ง 2 ปีถูกปรับลดการเติบโลงประมาณ 0.5% ของคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.

ในส่วนของเศรษฐกิจจีนคาดจะชะลอตัวลงแตะ 5.9% ในปี 2020 โดยลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.2% อันได้รับผลกระทบทางการค้า และภาคการผลิตรวมทั้งการส่งออกจีนที่ดูจะดำเนินการได้อย่างยากลำบากมากขึ้นในปี 2019




· รายงานจาก CNN ระบุว่าถ้อยแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ ได้ส่งสัญญาณชะลอความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยระบุว่า เนื่องจากการโจมตีของอิหร่านไม่ได้ทำให้ชาวสหรัฐฯหรือชาวอิรักเสียชีวิตแต่อย่างใด และดูเหมือนอิหร่านก็เริ่มจะวางมือแล้ว ดังนั้นจึงถือเป็นสัญญาณที่ดีของทั้งโลก

ถ้อยแถลงของนายทรัมป์เมื่อคืนนี้ มีท่าทีที่ตรงกันข้ามกับการทวีตข้อความของเขาเมื่อวันก่อนโดยสิ้นเชิง และยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสิ่งใดทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีต่ออิหร่าน ระหว่าง 1) การโจมตีโดยมิสไซล์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 2) รายงานที่ว่าอิหร่านส่งสัญญาณเตือนอิรักว่าจะมีการโจมตี 3) ทีมบริหารของทรัมป์มีความแน่ใจมากขึ้นว่าอิหร่านจงใจเลือกพื้นที่ของการโจมตีที่จะไม่ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความขัดแย้งขยายเป็นวงกว้าง

ทางด้านรายงานจาก The New York Times ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทั้งสหรัฐฯและอิหร่าน เป็นสัญญาณว่าไม่มีฝ่ายใดที่ต้องการให้ความขัดแย้งเลวร้ายลง อย่างน้อยก็ในตอนนี้

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของนายทรัมป์ ยังกล่าวถึงความพยายามที่จะกีดกันไม่ให้อิหร่านสามารถครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ และกล่าวถึงการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ไม่ได้กล่าวถึงการใช้กำลังทางทหาร พร้อมระบุว่าสหรัฐฯพร้อมที่จะแสวงหาสันติภาพร่วมกับทุกฝ่าย



· อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระบุว่า การโจมตีด้วยมิสไซล์ของอิหร่านเมื่อวานนี้ เป็นการ “ตบหน้าสหรัฐฯ” “แต่ดูเหมือนว่าการปฏิบัติการเพียงแค่นี้ ยังไม่พอ” ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอิหร่านอาจมีปฏิบัติการล้างแค้นสหรัฐฯตามมาอีกภายหลัง

· นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า หน่วยข่าวกรองได้รับข้อมูลที่ว่าอิหร่านเรียกร้องไม่ให้กองกำลังติดอาวุธเปิดฉากโจมตีทหารหรือพลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นข่าวที่ดีและหวังว่าข้อความดังกล่าวจะกระจายออกไปตามกองกำลังติดอาวุธพันธมิตรของอิหร่าน

· รายงานจากกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การโจมตีด้วยมิสไซล์ของอิหร่านมีจุดประสงค์เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า อิหร่านอาจจะยังต้องการให้เกิดการประทะกับสหรัฐฯอยู่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ จึงอาจมองว่าอิหร่านปฏิบัติการล้มเหลว แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะสามารถสรุปได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่กองกำลังติดอาวุธชิอา (Shia) ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน จะเปิดฉากโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในพื้นที่อิรักและซีเรียตามหลังเหตุการณ์นี้

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายจัสติน ทรูโด ประธานาธิบดีแคนาดา มีการหารือกันผ่านทางโทรศัพท์ ถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการลดความตึงเครียดทั้งหมด หลังจากที่อิหร่านทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก

· รายงานล่าสุดตอนเช้าวันนี้ ระบุว่า ตรวจพบจรวดคัตยูชา (Katyusha rockets) จำนวน 3 ลูก ตกลงในพื้นที่กรีนโซนของกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นที่ตั้งสิ่งก่อสร้างของรัฐบาลและหน่วยงานต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ลุกลาม

นอกจากนี้ยังมีรายงานจรวดอีก 1 ลูก ที่ตกห่างออกไปจากสถานทูตสหรัฐฯเพียง 100 เมตร

· นางแนนซี เปโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันนี้สภาผู้แทนราษฎรจะมีการลงมติแนวทางการจำกัดอำนาจของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการดำเนินการทางทหารต่ออิหร่าน โดยการประกาศดังกล่าว แม้ว่า นายทรัมป์ จะกล่าวถึงการที่อิหร่านมีท่าทีอ่อนลง และเขาก็ดูจะหันมาเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรแทนการใช้กำลังทหารตอบโต้ก็ตาม

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงกว่า 4% ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนรุนแรง โดยช่วงเช้าปรับขึ้นทำระดับสูงสุดกว่า 4 เดือน จากกรณีที่อิหร่านทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรัก ก่อนจะอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ความตึงเครียดดูจะผ่อนคลายลง โดยนายทรัมป์ ดูจะมีท่าทีเกรี้ยวกราดลดลงจากการที่อิหร่านทำการตอบโต้สหรัฐฯที่สังหารผู้นำทางทหารคนสำคัญไป

ทั้งนี้ นายทรัมป์ กล่าวถ้อยแถลงในคองเกรสที่มีใจความว่า สหรัฐฯมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และยุทโธปกรณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องนำออกมาใช้ พร้อมกันนี้ นายทรัมป์ยังระบุถึงท่าทีของอิหร่านที่อ่อนลงด้วย และข้อความทางทวิตเตอร์ของทั้ง นายทรัมป์ และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านก็ดูมีสัญญาณสงบศึกกันลงเป็นการชั่วคราว จึงเห็นน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 2.83 เหรียญ หรือ -4.2% ที่ 65.44 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่ 16 ธ.ค. ขณะที่ช่วงเช้าวานนี้แกว่งตัวขึ้นทำ High ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ย. บริเวณ 71.75 เหรียญ



ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 3.09 เหรียญ หรือ -4.9% ที่ระดับ 59.61 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่ 12 ธ.ค. หลังระหว่างวันทำสูงสุดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. ที่ 65.65 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com